หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

ผมสวยผิวเปล่งปลั่งกับ 10 สุดยอดอาหารชั้นดี

เคล็ดลับของเส้นผมที่แข็งแรงและผิวพรรณเปล่งปลั่งอาจจะไม่ได้อยู่ที่เครื่องประทินผิว แต่อยู่ในอาหารต่างหาก

1. บลูเบอร์รี่
เบอร์รี่ชนิดนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแชมป์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด เมื่อเทียบกับผลไม้ทั่วไปกว่า 40 ชนิด สารต้านอนุมูลอิสระจากในบลูเบอร์รี่จะช่วยปกป้องคุณจากความชรา

2. ผักโขม
เต็มไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระอย่างลูทีน ซึ่งช่วยให้ดวงตาของเราแข็งแรงและแจ่มใส นอกจากนี้ ยังมีวิตามินบี ซี และอี โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และกรดไขมันโอเมก้า-3

3. มันหวาน
เต็มไปด้วยเบต้า-เคโรธีน ซึ่งช่วยชะลอความชราได้ ไม่ว่าจะด้วยการเอาไปเป็นมันบด หรือหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วอบด้วยสมุนไพรหรือหัวหอม

4. แซลมอนธรรมชาติ
แซลมอนจากแหล่งธรรมชาติเป็นหนึ่งในอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่มากที่สุด มันจะช่วยให้ผิวเราเต่งตึงและชุ่มชื้น มีซีลีเนี่ยม แร่ธาตุซึ่งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และวิตามินดีในปลาชนิดนี้ ยังช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรงมีสุขภาพดี

5. หอยนางรม
มันเป็นแหล่งที่ดีสำหรับสังกะสี ซึ่งช่วยซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ๆ นอกจากนี้สังกะสียังช่วยให้ดวงตา เล็บ และเส้นผมแข็งแรงด้วย

6. ดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลตช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากแสงแดด มันไม่ได้ทำให้เกิดสิวแต่ก่อนหน้าที่คุณจะลุยกินช็อกโกแลต จำเอาเอาไว้ว่าช็อกโกแลตชนิดที่มีฟลาวานอล (สารต้านอนุมูลอิสระ) สูงสุดต้องมีปริมาณโกโก้ผสมอยู่ไม่ต่ำกว่า 60%
7. กีวี่
เต็มไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ซึ่งทำให้ผิวพรรณกระชับ ป้องกันรอยเหี่ยวย่นและยังดีมากๆ ต่อกระดูกและฟัน นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในกีวี่ยังช่วยปกป้องคุณจากโรคหัวใจและมะเร็ง

8. วอลนัท
มีประโยชน์มากมาย อย่างเช่น ทำให้ผิวเรียบเนียน เส้นผมแข็งแรง ดวงตาสดใส กระดูกแข็งแกร่ง เพียงแค่หยิบมือเดียวของวอลนัท ก็จะทำให้ได้กรดไขมันโอเมก้า-3 และวิตามินอีที่ดีต่อความงามของคุณ

9. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตไขมันต่ำมีแคลเซี่ยมมากกว่านมพร่องมันเนยในปริมาณเท่าๆกัน ซึ่งจะดีต่อฟัน เล็บและกระดูกอื่นๆ


10. มะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความชรา อย่างไลโคปีน ซึ่งร่างกายของเราจะดูดซึมสารชนิดนี้ได้ดีขึ้นหากมะเขือเทศผ่านความร้อนหรือการทำอาหารมาแล้ว ไลโคปีนในมะเขือเทศมีสีแดงเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้ประโยชน์มากเท่านั้น


ขอบคุณข้อมูลจาก Lisa Vol. 12 No. 20




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น